28 August 2011

สำนวน You've made my day.

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลามีใครชมเรา ๆ ก็แอบยิ้มหรืออดดีใจไม่ได้ อย่าลืมใช้สำนวนภาษาอังกฤษในการตอบรับคำชมนั้น นอกจากคำว่า Thank you แล้ว อาจจะพูดว่า You've made my day. ซึ่งหมายถึง ดีใจจังเลย (คำชมทำให้มีความสุข ยิ้มหน้าบานทั้งวัน) ยกตัวอย่าง เช่น I really like you new haircut. It makes you look younger. เป็นใครก็ยิ้มแก้มปริ เราก็ตอบรับไปเลยคะ

Thank you. You've made my day.

Tip ฝึกพูดให้ชินปากไว้ เวลาเจอสถานการณ์จริง จะได้ไม่เขินจนลืมหมดนะคะ 

24 August 2011

คำศัพท์ Hiso ตอน 2

ตอน 2
มาอีกแล้ว...คำศัพท์ในภาษาอังกฤษที่ใช้แล้วดูดี๊ดี มีการศึกษา

help = assistance แปลว่า ความช่วยเหลือ
ตัวอย่าง
Thank you for your assistance. (Thank you for your help.)

buy = purchase แปลว่า ซื้อ
ตัวอย่าง
Where can I purchase organic foods? (Where can I buy organic foods?)

give = provide แปลว่า ให้
ตัวอย่าง
Scientists provide explanation for how cancer spreads. (Scientists give explanation for how cancer spreads.)

about = regarding แปลว่า เกี่ยวกับ
ตัวอย่าง
Please let me know regarding your success stories.  (please let me know about your success stories.)

questions = queries แปลว่า คำถาม
ตัวอย่าง
Should you have any queries, please contact us.  (Should you have any questions, please contact us.)

22 August 2011

Memorable Quotes from One Day movie

เมื่อวานได้ไปดูหนังเรื่อง One Day นำแสดงโดย Anne Hathaway และ Jim Sturgess เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีของ  David Nicholls เนื้อเรื่องพูดถึงชีวิตของ Emma แสดงโดย Anne และ Dex แสดงโดย Jim ตลอดเวลา 20 ปี หนังจะเน้นวันหนึ่งในรอบ 1 ปี คือ ทุกวันที่ 15 กรกฎาคม จะมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น ภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความรัก มิตรถาพ และครอบครัว ที่สุดแสนประทับใจ พร้อมฉากถ่ายทำที่แสนโรแมนติคในเมืองใหญ่ต่างๆ มีบางคำพูดที่ฟังแล้วชอบ อยากจะเอามา share

Emma: "Whatever happens tomorrow, we had today. I'll always remember it."
เอ็มม่า "พรุ่งนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ตาม เรายังมีวันนี้ ฉันจะจดจำมันตลอดไป"

Dexter: "I need to speak to someone. Not someone - you."เด็กเตอร์ "ผมอยากมีใครสักใครที่คุยด้วยได้ ไม่ได้หมายความว่าใครก็ได้นะ แต่เป็นคุณนั่นแหละ

Emma: "I love you, Dexter. I just don't like you anymore."
เอ็มม่า "ฉันรักคุณ Dexter แต่ฉันไม่ชอบคุณแล้ว"
(ตอนนี้แอบสมน้ำหน้า Dexter นิสนึง 555)

Dexter: "The problem is, I pretty much fancy everyone. It's like I've just got out of prison all of the time."
Emma: "I can imagine..."
เด็กเตอร์ "ปัญหาคือ ผมอยากได้ผู้หญิงทุกคน ผมแค่รู้สึกอยากปลดปล่อยตลอดเวลาเหมือนผมเพิ่งออกจากคุก" (แอบขำ ทำไมต้องหื่นขนาดนั้น)
เอ็มม่า "ก็รู้อยู่แล้ว"

หนังเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นหนังที่ดีที่สุด เนื้อเรื่องไม่ได้สับซ้อนอะไรเลย แต่อย่างน้อยก็ได้ฝึกภาษา ที่สำคัญใครอยากฝึกสำเนียงแบบอังกฤษ ลองหาเรื่องนี้มาดู

20 August 2011

Traveling หรือ Travelling สะกดแบบไหนถึงถูก

หลายคนคงสับสนกับคำว่า Traveling หรือ Travelling มี l กี่ตัวกันแน่??????

จริง ๆ แล้ว ถูกทั้ง 2 แบบคะ จะใช้แบบไหนก็เลือกเอาว่าจะเขียนแบบ American English ที่มี l ตัวเดียว "Traveling/Traveled"  หรือแบบ British English มี ll 2 ตัว "Travelling/Travelled"


British 
Australian
Canadian 
American 
Travelling
Travelling
Travelling
Traveling

19 August 2011

Have something done ต้องให้คนอื่นทำให้

อีกประโยคที่น่าสนใจที่จะพูดในวันนี้ คือ have something done จะใช้ยังไงเรามาดูกันค่ะ
เวลาที่ต้องการบอกว่า ให้ใครทำอะไรให้เรา ตามโครงสร้าง have something V3 อันนี้จะเปลี่ยนไปตามแต่ละ Tense เช่น


Present SimpleI have my hair cut.
Past SimpleI had my hair cut.
Present Continuous I'm having my hair cut.
Past ContinuousI was having my hair cut. 
Present PerfectI have had my hair cut.
Past PerfectI had had my hair cut.
willI will have my hair cut.
mustI must have my hair cut.
be going toI'm going to have my hair cut.


Past Simple
I had my computer fixed last week. (เราต้องให้ช่างซ่อม ไม่ได้ซ่อมเอง) จาก have ต้องเปลี่ยนเป็น had กริยาช่อง 2 แล้วตามด้วย somthing ในที่นี่คือ my computer แล้วตามด้วย fixed เป็นกริยาช่อง 3
เปรียบเทียบกับอีกประโยค
I fixed my computer last week. (เราซ่อมเอง) ดูที่โครงสร้างประโยค S + V2 ประธานบวกกริยา หมายถึงประธานทำกริยาเอง ส่วนใหญ่ใช้ในประโยคที่เราพูดทั่ว ๆไป 

ตัวอย่างที่ชัดเจนอีกอันนึง เวลาที่จะบอกว่าฉันจะไปตัดผม พูดว่า
"I will have my hair cut" (จะให้ช่างตัดผมตัดให้) ไม่ใช่ I will cut my hair. นะคะ เพราะประโยคหลังนี้เราจะตัดผมเอง

ย้ำอีกครั้ง ให้ถามตัวเองว่า <<<เราทำเองรึเปล่า>>> ถ้าให้คนอื่นทำให้ ต้องพูดว่า have something done ง่ายเนอะ

17 August 2011

Tips การเขียน E-mail ให้โปร

ข้อห้ามที่สำคัญในการเขียน e-mail โดยเฉพาะใน business email

ห้ามใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ (CAPITALS) ทั้งหมด เพราะมันไม่สุภาพ มันเป็นเหมือนการตะโกนค่ะ คนอ่านก็รู้สึกรำคาญตา อ่านก็ยากอีกตั้งหาก แต่ถ้ากรณีที่เราอยากจะเน้น"คำ"ความสำคัญให้ใช้เป็นตัวหนา (this) หรือ ขีดเส้นใต้ (this) ไม่ก็ทำเครื่องหมายแบบนี้ก็ได้ *this*

ไม่เขียนแบบนี้เด็ดขาด "I AM NOT GOING TO DO THAT." โอ้แร๊งงงงงง

16 August 2011

คำศัพท์ Hiso ตอน 1

คำศัพท์ในภาษาอังกฤษที่ใช้แล้วดูดี๊ดี มีการศึกษา หรืออาจจะเรียกว่าดู hiso คำเหล่านี้ใช้ได้ทั้งในประโยคพูดหรือเขียนก็ได้ ดูตัวอย่างข้างล่างเลยค่ะ

very big = enormous แปลว่า ใหญ่มาก
ตัวอย่าง I love my enormous birthday cake. (I love my very big birthday cake.)

tired = exhausted แปลว่า เหนื่อย
ตัวอย่าง I feel exhausted. (I feel tired.)

cheap = inexpensive แปลว่า ราคาถูก
ตัวอย่าง This shop sells inexpensive stuff. (This shop sells cheap stuff.)

very = extremely แปลว่า อย่างมาก
ตัวอย่าง My parents are extremely happy.  (My parents are very happy.)

cute = adorable แปลว่า น่ารัก
ตัวอย่าง The sleeping babies look so adorable.  (The sleeping babies look so cute.)

เอาไปใช้ได้นะคะ เปลี่ยนคำบ้างไรบ้าง จะได้ไม่น่าเบื่อ

วลีหากินสำหรับการเริ่มต้น e-mail

วลีที่ใช้เริ่มต้นเขียน e-mail

Further to our phone conversation, ...
With reference to your letter of 8 June, I ...
With respect to your request, ...
You may remember ...
Thank you for sending ...
I've been advised to contact you ...
I am writing to enquire about ...
In reply to your email, ...
Regarding your email, ....
With regard to my previous email, ....
As per our discussion, ....

แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะต้องใช้ประโยคเริ่มต้นเหล่านี้ เพราะก็ขึ้นกับแต่ละสถานการณ์ ส่วนใหญ่คนไทยคิดว่าต้องมีเกริ่นก่อนให้ดูยาว ๆ แต่บางทีอ่านแล้วสับสน  เขียนแล้วให้ get to the point ก็พอ แค่ตรงประเด็นดีที่สุด

ไม่ยากค่ะ...ลองใช้ดู

14 August 2011

เขียนประโยคภาษาอังกฤษไม่ถูก....ให้อากู๋ช่วยสิ (google)

ทุกวันนี้แทบจะขาด google หรือ อากู๋ของเราไม่ได้เลย กู๋ช่วยบอกช่วยสอนเราหลายอย่าง ไม่ว่าจะหาอะไร กู๋ก็มีให้หมด แต่รู้หรือไม่ว่ากู๋ยังเช็ค grammar เวลาเราเขียนประโยคภาษอังกฤษได้ด้วยนะคะ ลองดูตัวอย่าง

ถ้าอยากจะเช็คว่าเราเขียนถูกหรือไม่ ลองพิมพ์ประโยคนี้ "You leted me down." อากู๋ก็จะแนะนำประโยคที่น่าจะถูกต้องให้ คือ "You let me down." แต่ลอง search ประโยคนี้ดูอีกทีเพื่อความชัวร์ ปรากฎว่าคราวนี้กู๋ไม่แก้ให้ มีประโยคนี้แสดงในเว็บทั้งหมด 480,000 สรุปว่าประโยค You let me down ชนะเลิส (บางกรณีก็อย่าเพิ่งเชื่อกู๋เลยทีเดียว ต้องลองเช็คหลาย ๆ รอบก่อน เปลี่ยนคำในประโยคบ้าง กดเข้าไปอ่านประโยคเต็ม ๆ ในเว็บที่โชว์บ้าง หรือ search หาความหมายทีละคำก็ได้)


นอกจากอากู๋จะเช็ค grammar ให้เราได้แล้ว ยังสามารถเช็ค spelling ได้อีกนะค่ะ ลองดูคำนี้ appreciete กู๋หาไม่เจอ แต่จะโชว์ "กำลังแสดงผลการค้นหาสำหรับappreciate. ค้นหาคำเหล่านี้แทน appreciete." ให้เราเลือกแทนว่าอาจจะเป็นคำไหน ลองดูค่ะ google (กู๋ของเรา)  ช่วยเราได้จริง ๆ

Tip สำหรับการ search ให้ได้ผลลัพธ์ออกเป๊ะดั่งที่เราพิมพ์ให้ใส่เครื่องหมายคำพูด (") ไว้หน้าและท้ายประโยคด้วยนะคะ แบบนี้เลย "you let me down."

13 August 2011

แปลเพลง California King - Rihanna

California King Bed by Rihanna


Chest to chest, nose to nose,
ใกล้จนหน้าอก จมูกเราสัมผัสกัน
Palm to palm, we were always just that close.
มือประสานกัน เราเคยอยู่ใกล้กันขนาดนี้
Wrist to wrist, toe to toe,
ข้อมือสัมผัสกัน นิ้วเท้าแนบชิดกัน
Lips that felt just like the inside of a rose.
ริมฝีปากทั้งคู่สัมผัสถึงความหอมหวานอ่อนละมุนเหมือนในกลีบกุหลาบ

So how come when I reach out my finger,
แล้วทำไมยามที่ฉันไคว่คว้า ต้องการเธอ
It feels like more than distance between us?
ดูเหมือนเราช่างห่างไกลกันเหลือเกิน

In this california king bed,
บนเตียงอันอ้างว้างนี้
We're ten thousand miles apart
เราทั้งคู่เปรียบเหมือนอยู่ห่างกันแสนไกล
I've been california wishing on these stars for your heart, for me
ฉันนอนบนเตียงที่อ้างว้างเดียวดายนั้น...ภาวนาให้ได้ความรักจากเธอ
My california king.
บนเตียงอันอ้างว้าง

Eye to eye, cheek to cheek,
ตาประสานกัน แก้มแนบแก้ม
Side by side you were sleeping next to me.
ข้างกายซึ่งกันและกัน เธอเคยนอนอยู่ข้าง ๆ ฉัน
Arm in arm, dusk to dawn with the curtains drawn
เรากอดกันตลอดทั้งคืนหลังม่านที่ปิดลงอันนี้
And a little last night on these sheets.
แล้วก็เมื่อคืนนี้บนผ้าปูที่นอนผืนนี้

So how come when I reach out my finger,
แล้วทำไมยามที่ฉันไขว่คว้า ต้องการเธอ
It seems like more than distance between us?
ดูเหมือนเราช่างห่างไกลกันเหลือเกิน

Just when I felt like giving up on us,
เมื่อใดที่ฉันรู้สึกว่าเราต้องจบกัน
You turn around and give me one last touch
เธอก็กลับมาสัมผัสฉันเป็นครั้งสุดท้าย
That made everything feel better,
มันทำให้ฉันอุ่นใจขึ้น
And even then my eyes got wetter.
แม้ว่ามันทำให้ฉันถึงกับร้องไห้ออกมา
So confused wanna ask you if you love me,
สับสน มีบางอย่างอยากจะถามเธอว่า เธอรักฉันบ้างไหม
But I don't wanna seem so weak,
แต่ฉันก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น
Maybe I've been california dreaming.
บางที ฉันอาจจะกำลังฝันไปว่าเธอรักฉันก็ได้

คำศัพท์น่ารู้

Lips that felt just like the inside of a rose. = รสจูบที่หอมหวานนุ่มนวลเหมือนกลีบกุหลาบ
how come = ทำไม หรือ สงสัย (Why)
reach out = เอื้อม ไขว่คว้า ต้องการ
california king bed = เป็นขนาดของเตียงนอนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นขนาดใหญ่ที่สุด คือ 72 in × 84 in (183 cm × 213 cm) ซึ่งเหมาะกับฝรั่งตัวสูง ๆ ความยาวของเตียงจะยาวมากที่สุดในบรรดาเตียงแบบอื่น ๆ หรือมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น  Western king, West Coast king, Cal king, or WC king (source: http://en.wikipedia.org/wiki/Bed_size)
wishing on these stars = ภาวนา ขอพร
dusk to dawn = ตลอดทั้งคืน (คำว่า dusk = เวลาโพล้เพล้  dawn = รุ่งอรุณ *อย่าสบสนกันนะคะระหว่างสองคำนี้ วิธีจำคือให้จำวัดแจ้งหรือวัดอรุณของเรานั่นแหละ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า The Temple of Dawn ให้จำแบบนี้จะได้ไม่ลืมนะคะ)
curtains drawn = รูดม่าน ในที่นี่อาจหมายถึงการเปิดม่านหรือปิดม่านก็ได้ drawn เป็นกริยาช่อง 3 ของ draw มาจากประโยคเต็ม ๆ คือ The curtains were drawn. ในรูป Passive Voice แต่เราสามารถตัดทอนให้อยู่ในรูปประโยคย่อได้ ก็จะเหลือแค่ curtains drawn เฉย ๆ แปลว่า ม่านที่ถูกปิด/เปิด ในเพลงนี้กำลังพูดถึงตลอดทั้งคืน (dust to dawn) เลยอาจจะแปลได้ว่า หลังผ้าม่านที่ปิดลงเหมือนใน MV นั่นแหละ

เนื้อหาเพลงนี้สื่อถึงความรู้สึกอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว อ่อนไหวและสับสนของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถึงแม้ตัวเธอจะใกล้กับแฟนแต่ก็รู้สึกว่าห่างเหิน เปรียบได้กับความรู้สึกที่ถึงแม้อยู่ใกล้ ในที่นี่เธอหมายถึงการใกล้ขนาดนอนข้าง ๆ กัน บนเตียงเดียวกันแต่กลับทำให้เธอไม่ได้รู้สึกใกล้ชิดเขาเลยเหมือนราวกับว่านอนกันบนเตียงขนาดใหญ่ (California King Bed) ที่ปราศจากความรัก บางครั้งเธอก็สับสน เกิดความไม่แน่ใจในความรักของเขา ถึงขนาดแอบคิดไปว่าเขารักเธอบ้างไหม หรือคิดจนกระทั้งคิดที่เลิกกับเขา แต่เมื่อใดที่เขากลับมาปลอบเธอ เธอก็ใจอ่อนอีก แต่สุดท้ายแล้วเธออยากจะหลุดพ้นจากความรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่อยากจะเจ็บปวดกับมันอีกต่อไป เธอคิดว่าต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงซะที

เพลงนี้นับเป็นเพลงที่เพราะที่สุดของ Rihanna นักร้องสาว R&B ชาวอเมริกัน ก่อนหน้านี้เคยเป็นข่าวอันโด่งดังมาแล้ว ที่เธอถูกทำร้ายร่างกายโดยแฟนเก่า Chris Brown ในส่วนตัว Rihanna เองได้อธิบายความหมายของเพลงนี้ไว้กับ UK radio station 95.8 Capital FM ว่า "เพลงนี้พูดถึงคู่รักที่ตัวอยู่ใกล้ขณะเดียวกันก็เหมือนอยู่กันคนละโลก เหมือนกับว่าไม่ได้รักกันเลย" (source:www.songfacts.com/detail.php?id=21454)

ครั้งแรกกับการทดสอบการสอนภาษาอังกฤษ ณ สถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่ง

วันนี้เป็นครั้งแรกกับการก้าวเข้าสู่วงการครูอย่างจริงจัง หลังจากส่งรีซูเม่สมัครเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ Grammar Part time กับสถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่งซึ่งเก่าแก่ เปิดมานานกว่า 30 ปีหรือเรียกว่าเป็นที่แรก ๆ ของประเทศไทย (ถ้าเอ่ยถึงทุกคนก็ต้องร้อง..อ๋อ...) ด้วยประวัติการสอนภาษาอังกฤษประมาณ 7 ปี (อย่างไม่เป็นทางการนัก...แบบสอนอยู่ที่บ้าน) บวกกับประสบการณ์ที่เคยอยู่ต่างประเทศและทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก   ไม่นาน...ก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์นัดให้มาสัมภาษณ์เสาร์หน้าเก้าโมงตรง

วันเสาร์วันนัด  เรามาถึงตรงเวลาตามนัด นั่งกรอกใบสมัคร ทำ Test ภาษาอังกฤษเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทำ Test  สังเกตเห็นมีฝรั่งมาสมัครเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ  ข้อสอบเหมือนเรา  แต่เขาใช้เวลาทำไม่เกิน 10  นาทีก็เดินเข้าไปห้องสัมภาษณ์แล้ว (มาเร็วเคลมเร็วจริง ๆ)  นั่งรอสักครู่ อาจารย์ก็เดินมาเรียกไปสัมภาษณ์ประมาณ 15 นาที  สรุปเขาให้เรามาทดสอบการสอนวันเสาร์หน้า ให้เตรียม Lesson Plan 1 หน้ากระดาษ A4 มา โดยให้หัวข้อที่จะสอน คือ กรรตุวาจก กับ กรรมวาจก  Active and Passive Voice อิอิ  แอบดีใจอยู่เพราะเราคิดว่าไม่ยาก เอาล่ะวันเสาร์ต้องกลับมาใหม่..ชัวร์ป้าด

มีเวลาเตรียมตัวอยู่ 1 อาทิตย์ นึกถึงคนหนึ่งที่อาจช่วยเราได้ คือ อากู๋  google นั่นเอง  ลองค้นดูตัวอย่าง Lesson Plan ต่าง ๆ ตาม Website ก็พอจะได้เรื่อง ทำแผนการสอนออกมาได้ 1 หน้ากระดาษตามคำสั่งทุกประการ รวมถึง Handout ที่คิดขึ้นมาเองและใช้สอนจริงอยู่ อีก 3 ชุด<<< พร้อมแล้วสำหรับการทดสอบ>>>ลุย!!!

มาถึงตามเวลานัดหมายแล้ว...เก้าโมงตรง  หลังจากพบกับอาจารย์ท่านเดิม  ท่านก็พาไปที่ห้องทดลองสอน ในห้องก็เป็นห้องเล็ก ๆ มีกระดานไวท์บอร์ด อาจารย์ให้เวลาเตรียมตัว 5 นาที  แล้วท่านก็ทิ้งเราไว้ในห้องและก็ออกไปพร้อมกับ Lesson Plan และ Handout  ไม่รอช้า  ลงมือเขียนประโยคต่าง ๆ บนกระดานเตรียมไว้ 5 นาทีผ่านไป อาจารย์กลับเข้ามา พร้อมกับบอกว่าเราจะเล่น Play role กันให้สมมุติว่าท่านเป็นนักเรียนให้เราเป็นคุณครู  เราก็เริ่มลงมือสอน เอาเข้าจริงๆ ความรู้สึกไม่ค่อยตื่นเต้นเลย  ชิล เหมือนสอนอยู่กับบ้าน เพียงแต่เปลี่ยนที่สอน อาจารย์ก็เป็นกันเองดี แกล้งถามนั่นบ้าง ถามนี่บ้าง เราก็ตอบไปแบบที่เคยสอนไม่มีอะไรมาก มีเพียงข้อผิดพลาดบ้างคือ เราลืมเรื่่องของ Tense ที่ใช้ได้หลาย ๆ กรณีและอีกเรื่องคือเรื่องการใช้ by ในประโยค passive ซึ่งอาจารย์ก็ถามเราว่าเราจะใช้ by ในประโยค Passive ได้ตอนไหน เราตอบว่าประโยค Passive ไม่จำเป็นต้องมี by เลยเพราะคนผู้ไม่ได้ต้องการเน้นหรือไม่ได้อยากรู้อยู่แล้วว่าใครทำ ฉะนั้นจะมีก็ได้ไม่มีก็ได้ค่ะ ซึ่งอาจารย์ก็ได้ชี้แนะว่า ตามที่ท่านได้มีประสบการณ์การสอน ท่านเจอคำถามนี้จากเด็กบางโรงเรียน ท่านก็เลยให้เราต้องเตรียมที่จะตอบเด็กตรงนี้ด้วย  เราว่าการทดสอบสอนนี้ดีมากเลย  เพราะมีคนบอกว่าเราควรปรับปรุงตรงไหนบ้าง ให้คำแนะนำ ข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับวงการครู ผลการทดสอบวันนี้น้บว่าผ่านไปได้ด้วยดี  แถมยังชมเราด้วยว่าเตรียมการสอนมาดี นักเรียนคงจะได้รับอะไรจากที่เราสอนไปเยอะ  สอบผ่านค่ะ  อาจารย์บอกว่าจะแจ้งไปที่สาขา และจะโทรมาเรียกเราไปสอนจริง  ดีใจสุด ๆ

10 August 2011

"as of" and "as at" ต่างกันอย่างไร

คำว่า "as of" หลายคนคงคุ้น ๆ อยู่บ้าง หรือที่ใช้กันบ่อย คือ "data as of" แต่ดันมามีคำว่า "as at" อีก มันเหมือน หรือ ต่างกันอย่างไร


As of หมายถึง การระบุสถานะ ณ วันที่นั้นเป็นต้นไป
เช่น Data is presented as of July 31, 2011.
      There is no refund of other fees and taxes as of January 1, 2008.


As at หมายถึง การระบุสถานะ ณ วันนั้น ๆ ให้เห็นภาพหรือสถานะช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น (Snapshot) และ ที่สำคัญจะใช้ในทางบัญชีส่วนใหญ่
เช่น Quarterly financial statement as at December 31, 2009.


***ห้ามใช้ as on แล้วตามด้วยวันที่ เช่น Data as on July 31, 2011 เพราะบางคนเห็นว่า preposition "on" ควรวางไว้หน้าวันที่ ซึ่งในกรณีนี้คำว่า as on ไม่มีในภาษาอังกฤษนะคะ อย่าลืมมมมม